เตือนภัย “โรคหน้าร้อนเข้าหน้าฝน”
ท้องร่วง-ไข้เลือดออก ระวังอันตราย!!
นพ.แสวง หอมนาน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน มีโรคที่ทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายกมีความเป็นห่วงมาก คือ โรคท้องร่วงอย่างแรง หรือที่เรียกกันว่า อหิวาตกโรค ซึ่งมีการติดต่อกันทางอาหารและน้ำดื่ม
ดังนั้นทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายก จึงได้เร่งรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักการรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย และรับประทานอาหารที่ร้อนๆ หรือสุกใหม่ๆ และหากเป็นกับข้าวสำเร็จรูป เมื่อซื้อมาจากตลาดแล้ว ต้องนำมาอุ่นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งต้องระมัดระวังอย่าให้แมลงวันมาตอมอาหาร
สำหรับผู้ที่เกิดอาการท้องร่วง การรักษาเบื้องต้นให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ซึ่งสามารถไปขอรับได้ที่สถานีอนามัยทุกแห่ง หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในชุมชน และหากอาการไม่ทุเลาควรจะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือสถานีอนามัย เพื่อแพทย์จะได้ให้ยาชนิดอื่นเพิ่มเติม
นพ.แสวง เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ในช่วงที่กำลังจะมีการเปลี่ยนฤดูจากร้อนไปสู่ฝนที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้ ซึ่งช่วงดังกล่าวอาจจะเป็นช่วงที่มีฝนตกบ่อย โรคที่จะต้องระมัดระวังมาก คือ โรคไข้เลือดออก ซึ่งโรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ เป็นหลัก จึงต้องเตือนบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองให้ระมัดระวังดูแลสุขภาพของบุตรหลาน
โดยระยะแสดงอาการของโรคนั้น จะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะมีไข้, ระยะช็อก และระยะฟื้นตัว ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัด แต่จะมีจุดแตกต่างที่สำคัญ คือ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกจะไม่มีอาการไอร่วมด้วย ซึ่งแตกต่างจากโรคหวัด
นพ.แสวง กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายก ได้เตรียมการรณรงค์ ในเรื่องของการป้องกันโดยการกำจัดแหล่งน้ำที่เพาะพันธุ์ยุงลาย และแจกทรายอะเบทเพื่อกำจัด ลูกน้ำตามภาชนะที่มีน้ำขังตามบ้านเรือนของ ประชาชนทั่วไป และสำหรับผู้ที่มีอาการเป็นไข้ ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หากต้องการจะซื้อยามากินเอง ขอให้เป็นยาลดไข้ในพวกพาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาในกลุ่ม อื่น เช่น แอสไพริน เพราะจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายมากกว่า
ทั้งนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายก ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ของโรคที่อยู่ในช่วงหน้าร้อนต่อกับช่วงหน้าฝนอย่างเต็มที่ และพร้อมจะให้คำปรึกษาแก่ประชาชนตลอดเวลา ซึ่งหากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำ ประชาชนสามารถไปติดต่อได้ที่สถานีอนามัยทุกแห่ง หรือที่ อสม. ซึ่งในปัจจุบันนี้มีทั่วประเทศ
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงมากที่สุด ทั้งสองโรคเป็นโรคที่ไม่ได้เป็นมาจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากพฤติกรรมการดำรงชีวิต ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครนายก ได้ทำการรณรงค์ในเรื่องของการขอให้ประชาชนไปตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะโรคเบาหวาน เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดปัญหากับอวัยวะสำคัญ คือ ตา, ตับ, ไต แล้ว อาจจะมีโรคอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาอีกได้
“ทั้งนี้โรคเบาหวานเป็นโรคที่สามารถควบคุมรักษาได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะการตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด จึงอยากให้ประชาชนได้คำนึงถึงความสำคัญ และควรจะมีการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อระมัดระวังไม่ให้เกิดโรคภัยต่างๆ กับตัวเรา ซึ่งเป็นการป้องกันที่ดีกว่าการเป็นแล้วมารักษาในภายหลัง” นายแพทย์แสวง กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์